วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554

พันธุ์เก่ากับพันธุ์ใหม่

แวดวงการศึกษาไทยห้วงปีที่ผ่านมากล่าวขวัญ ถึงการปฏิรูปการศึกษาครั้งที่สอง และพูดถึง "ครูพันธุ์ใหม่"มากกว่าเรื่องอื่น ซึ่งรวมหมายถึงระดับการศึกษาและคุณสมบัติ ตลอดจนค่าตอบแทน

ก่อนจะไปถึงครูพันธุ์ใหม่ วันนี้ลองมองย้อนกลับไปที่ "ครูพันธุ์เก่า"สักประเดี๋ยวเป็นไร

วันก่อนมีเรื่องครูตีนักเรียนเรื่องแต่งกายผิดระเบียบ ถึงขนาดฟกช้ำดำเขียวที่บริเวณแก้มก้น

หากว่ากันตามระเบียบกฎเกณฑ์ มีระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการ ประกาศใช้เมื่อปี 2548 ห้ามครูลงโทษนักเรียนด้วยการตีด้วยไม้หรือตีด้วยวัสดุอุปกรณ์อื่นใด

เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2553 ที่ศาลแขวงจังหวัดนครราชสีมา คณะผู้พิพากษาศาลแขวงพิพากษาจำคุกอดีตครูสอนศิลปศึกษา1 อดีตครูประจำวิชาภาษาไทย 1 และครูผู้ดูแลหอพัก 1 เป็นเวลา 1 ปี ปรับคนละ8,000 บาท ฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นด้วยการร่วมกระทำผิดลงโทษเด็กนักเรียนชายกว่า40 คน โดยการใช้ไม้เรียวทำด้วยหวายพันสายไฟฟ้าเฆี่ยนตีจนเด็กนักเรียนได้รับบาด เจ็บ

ความคิดเห็นเรื่องครูตีนักเรียนมีออกมาหลายทาง ทั้งผู้ปกครอง ทั้งนักเรียน และทั้งครูผู้รับผิดชอบ บ้างเห็นด้วย บ้างไม่เห็นด้วยโดยเหตุผลว่า หากมีการลงโทษตีด้วยไม้เรียวกระทำบนฐานของความรักความเมตตานักเรียน การตีนั้นก็น่ามีความเป็นไปได้ขณะที่บางโรงเรียนมีระเบียบว่าจะให้ลงโทษด้วย วิธีใด หากลงโทษด้วยการตี จะให้ครูตีหรือผู้ปกครองตี หรือจะลงโทษด้วยการหักคะแนน

การเฆี่ยนตีนักเรียนน่าจะมีต่อเนื่องมาแต่ในอดีต พ่อแม่ผู้ปกครองส่วนใหญ่มักลงโทษลูกหลานในปกครองด้วยการเฆี่ยนตีแทบทั้งสิ้น กำลังของการเฆี่ยนตีแรงค่อยแล้วแต่ทั้งความผิดและอารมณ์ ณ ขณะนั้นส่วนการเฆี่ยนตีของครู อาจถือกันมานานแล้วว่าครูคือพ่อแม่คนที่สองของนักเรียน

"หลวงเมือง"เขียนไว้ใน"มติชน"คอลัมน์ "บทความธรรมดา" วันอาทิตย์ที่ 2 มกราคมนี้ ตอนหนึ่งว่า

"คนไทยนับถือวันพฤหัสบดีเป็นวันครูเมื่อข้าพเจ้าเข้าโรงเรียนวัดนวลนรดิศ พ่อพาไปมอบตัวต่ออาจารย์ใหญ่ คือ ขุนปราศรัยจรรยา โดยให้ถือดอกไม้ธูปเทียนไปด้วยและไปวันพฤหัสบดี ท่านอาจารย์พูดกับพ่อของข้าพเจ้าว่า สมัยนี้เขาไม่นับถือกันแล้วมอบตัวกันเป็นพิธีก็พอ แต่พ่อของข้าพเจ้าเรียนท่านโดยนอบน้อมว่า ผมถือโบราณดอกไม้ธูปเทียนที่ลูกศิษย์ของท่านอาจารย์นำมาคารวะนี้บูชาพระก็ ได้ ท่านก็รับไว้ พ่อกล่าวมอบตัวเป็นครั้งที่ 2 ว่า ลูกผมคนนี้ยกให้เป็นศิษย์ของท่านขุน ดุว่าเฆี่ยนตีได้ตามความผิด อาจารย์ใหญ่หันมาถามข้าพเจ้าว่าเธอได้ยินแล้วใช่หรือไม่ ข้าพเจ้าตอบเสียงแห้งๆ ว่า ครับ เป็นอันเสร็จพิธีมอบตัว"

เมื่อวันที่ 13 มกราคม ที่คณะครุศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยเพื่อนศิษย์เก่าโรงเรียนสาธิตแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเข้าคารวะ อาจารย์เนื่องในโอกาสวันครู โดยนายอภิสิทธิ์นำพวงมาลัยคารวะคุณครูลินจงอินทรัมพรรย์ อดีตครูประจำชั้น ป.5 ป.6 ของนายกรัฐมนตรี

คุณครูลินจง ให้สัมภาษณ์ "มติชน" ตอนหนึ่ง ความว่า

เนื่องในวันครูที่จะมาถึงในวันที่ 16 มกราคมนี้ อยากฝากถึงเพื่อนครูทั่วประเทศว่า ขอให้ภูมิใจในอาชีพของตนเอง เพราะครูเป็นอาชีพที่ได้ทำบุญจากการสั่งสอนให้ความรู้แก่ลูกศิษย์...ขอให้ ครูภูมิใจ ไม่ต้องน้อยใจว่าไม่รวย และต้องทำงานเหนื่อยยากแต่อาชีพที่ทำอยู่มีคุณค่ามหาศาลมาก และเป็นอาชีพที่คนอื่นไม่มีโอกาสทำ เมื่อมีโอกาสแล้วก็ต้องทำงานนี้ด้วยใจ

"ครูไม่ได้แค่ภูมิใจที่เป็นครูนายกฯ แต่ภูมิใจกับลูกศิษย์ทุกคนที่เป็นคนดี ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไรที่สุจริตก็ภูมิใจ ทุกวันนี้มีลูกศิษย์ประกอบอาชีพที่หลากหลาย เช่น นักแสดง ชาวนา บางคนก็บวชเป็นพระสงฆ์ดิฉันในฐานะเป็นครูก็จะติดตามลูกศิษย์แต่ละคนว่าเป็น อย่างไร"

"ราชภัฏข่าวสด" วันนี้เป็นแต่เพียงหยิบยกความเป็นพ่อแม่ ความเป็นครู เมื่อก่อนกับวันนี้มาให้อ่าน เผื่อว่าคุณครูและคุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครองทั้งหลายได้ทบทวนกันว่า จะลงโทษด้วยไม้เรียวต่อไปหรือไม่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น